สำนักกฎหมายคานาอัน:เจษฎา
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

   สำหรับพระเจ้าแล้ว  ผมไม่ใช่นักศาสนา แต่ผมเป็นเพียงผู้เชื่อที่ติดตามพระเยซูคริสต์ด้วยความศรัทธา เมื่อก่อนเคยถามตัวเอง และตำหนิคริสเตียนเหมือนกันว่า ทำไมถึงได้พยายามนำคนมาเชื่อพระเจ้า  และเคยต่อต้าน กล่าวหาว่ากลุ่มคริสเตียน เป็นเหมือนกลุ่มที่งมงายที่สุดเท่าที่รู้จักมา เพราะผมถือว่าศาสนาไม่จำเป็นสำหรับมนุษย์ เพราะมนุษย์มีความรู้ความสามารถ ศาสนาเป็นเพียงเครื่องมือครอบงำสังคมที่การปกครองไม่สามารถควบคุมได้ โดยใช้บาปบุญ คุณโทษ สวรรค์  นรก เป็นตัวล่อลวง  ถ้าถามผมเมื่อก่อนพระเจ้าไม่มี  นรกสวรรค์ไม่มี  การสร้างความดี เป็นสิ่งสำคัญ คนไม่มีศาสนาไม่ใช่คนชั่ว แต่คนมีศาสนาบางทีชั่วยิ่งกว่า

         จำได้ว่าก่อนนี้ผมมีโอกาสต้อนรับพระเยซูประมาณ  2 ครั้งในชีวิต ถ้าผมไม่ปิดตัวเองด้วยความคิด  และเหตุผลของตัวเอง

         ครั้งแรกสมัยเรียม รามฯ ประมาณ ปี 2538 เคยเข้าไปร่วมนมัสการกับกลุ่มนักศึกษามศว. ประสานมิตร  ที่โรงแรมอเล็กซานเดอร์ เลยหน้า รามฯ ไปหน่อยหนึ่ง ประมาณ 3-4 ครั้ง แล้วก็หยุด ด้วยเหตุผลจากการที่ไม่ยอมรับพิธีกรรมบางอย่าง โดยการนำของดื่มกินมาเล็งถึงเลือดเนื้อ ที่คริสเตียนต้องยอมรับ  แต่ผมรับไม่ได้ เลยหยุดท่ามกลางการติดตามของกลุ่มนักศึกษา มศว. ประสานมิตร แต่ผมปฏิเสธขาด ประมาณ 4 ปี

         ครั้งที่สองเมื่อประมาณปี 2544 ขณะที่ภรรยานอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดแพร่ ก่อนเสียชีวิตประมาณ 3 เดือน มีพยาบาลคริสเตียนมาคุยเรื่องพระเจ้าให้ภรรยาฟัง และเชื่อว่าพระเจ้าสามารถรักษาให้หายได้  ทำให้ภรรยาตัดสินใจยอมที่จะเชื่อในพระเจ้า เพียงเงื่อนไขว่า ต้อนรับพระเยซู ใช้ความเชื่อกับพระองค์ในการรับการรักษา  ผ่านการอธิษฐานของผู้นำ สมาชิก ในคริสตจักร ตัวผมและภรรยา แต่ผมปฏิเสธ และไล่พยาบาลคนนั้นออกไป ด้วยเหตุผลว่า งมงาย พระเยซูตายที่กางเขนโดยช่วยตัวเองไม่ได้  จะช่วยคนอื่นได้อย่างไร

         ช่วงระหว่างปี 45 -46 ก่อนต้อนรับพระเยซู ผมย้ายมาอยู่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผมเป็นคนที่กินเที่ยวเหมือนผู้ชายหลายคน  ดำเนินชีวิตแบบสองบ้าน    ก่อนนั้นเคยนำเรื่องพระเยซูไปสนทนากับเพื่อนทนายความรุ่นพี่ในวงเหล้าว่า "...ซูเป็นใครมาตายที่กางเขนโดยช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วมาประกาศตัวช่วยเหลือผู้อื่น อยากเจอจัง " 

        ผมไม่มีแรงจูงใจพิเศษในการมาเชื่อพระเยซู  แต่เพราะผมมีปัญหาเรื่องการแบ่งแยกวันหยุดระหว่างสองบ้านไม่ได้  วันที่ 27มีนาคม 2547เลยเข้าโบสถเพื่อต้อนรับพระเยซู หวังเป็นโอกาสในการสับหลีกวันหยุด โดยการนำของคุณธนพล ขวัญทอง เพื่อนรุ่นพี่ ซึ่งเป็นทหารอยู่ในค่ายเสนาณรงค์ ประมาณ 1 ปีของการเข้าไปนั่งจับผิดคำสอน พระคัมภีร์ และพิธีกรรม จนวันที่ 12 สิงหาคม 2548 จึงมั่นใจว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า ผ่านการสำแดงที่คิดไม่ถึง จนได้มีโอกาสเปิดใจรับรู้เรื่องราวของพระเจ้าอย่างจริงจัง จนเป็นชีวิต และได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิต จากพระเจ้าในทุกๆ ด้าน ได้รับรู้เรื่องราวความจริงเกี่ยวกับชีวิตทั้งโลกนี้ บึงไฟนรก และแผ่นดินสวรรค์อย่างสมเหตุสมผลที่สุด จากพระคริสตธรรมคัมภีร์

        ปัจจุบันผมเป็นคริสเตียน ผมติดตามพระเยซูเชื่อว่า พระองค์เป็นพระเจ้ามาสิ้นพระชนม์ที่กางเขน เพื่อไถ่ความผิดบาปของมนุษย์ สามวันพระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย และผู้ทรงพระชนอยู่ ได้รู้ว่ามนุษย์เป็นคนบาป จากการหันหลัง(ไม่เชื่อฟัง)ให้พระเจ้าของมนุษย์คู่แรกที่เป็นสายเลือดของมนุษย์ทั้งปวง เป็นเหตุให้มนุษย์ตกอยู่ในความบาป  และต้องถูกพิพากษาลงสู่บึงไฟนรก ส่วนความบาปอื่นนั้น เป็นผลพวงจากการที่มนุษย์หันหลังให้กับพระเจ้า ความรอดจึงมีความสำคัญสำหรับมนุษย์โดยผ่านทางความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์

        ตลอดเวลาที่ติดตามพระเยซูคริสต์  ผมรับรู้และเห็นคนกลับใจมากมาย แต่ส่วนใหญ่เป็นคนฐานะธรรมดา คนยากลำบาก คนป่วย น้อยครั้งที่คนมีตำแหน่งหน้าที่ การศึกษาสูงๆ คนร่ำรวยจะกลับใจ เพราะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับชีวิตในด้านจิตวิญญาณทั้งที่ ปัญหาส่วนใหญ่มาจากความเสื่อมถอยของจิตวิญญาณ ความรู้ การศึกษาที่มีจะเป็นคุณมากหากเปิดใจกับเรื่องราวของพระเจ้า ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตถูกเปิดเผยไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์

        ถามว่าความรอดมีไว้สำหรับคนยากจน คนป่วย คนมีปัญหาเท่านั้นหรือ คำตอบคือ ไม่ใช่ พระคริสตธรรมคัมภีร์ ยอห์น บทที่ 3 ข้อ 16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์

++

Advertising Zone    Close


Online: 1 Visits: 9,634 Today: 7 PageView/Month: 7

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...